วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

Hot Short KBank 20010-01-07

KBANK
สินเชื่อช่วยหนุนกำไรใน 4Q09 และกำไรในปี 2010 จะได้รับผลเต็มที่จาก MTFH

คาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q09 ของ KBANK จะลดลงบ้างจากใน 3Q09 มาอยู่ที่ 3,417 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 8% QoQ แต่ยังเพิ่มขึ้นถึง 22% YoY หลังสินเชื่อระยะสั้นทำให้สินเชื่อรวมทั้งปีกลับมาเติบโตประมาณ 3% YTD โดยมีสัญญาณจากสินเชื่อในงบเดี่ยวที่เพิ่มขึ้นมากถึง 2% MoM ในเดือน พ.ย. เพียงเดือนเดียว อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของสินเชื่อระยะสั้นอย่างเร็วในปลายปีมีส่วนดึงอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของสินเชื่อลดลง และทำให้ NIM ใน 4Q09 ของธนาคารลดลงมาประมาณ 6 bps QoQ มาอยู่ที่ 3.61% และคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2009 ของธนาคารจะอยู่ที่ 14,401 ล้านบาท หลังกำไรสุทธิในงวด 9 เดือน ของปี 2009 อยู่ที่ 11,224 ล้านบาท

เราได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2010 ของ KBANK มาอยู่ที่ 16,048 ล้านบาท แม้ว่าการซื้อ MTFH และโครงการ K-Transformation มีส่วนทำให้อัตราส่วนของค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 55% แต่คาดว่า MTFH จะทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมในงบรวมเพิ่มขึ้นมาก โดยเราคาดว่า Synergy ที่กำลังเกิดขึ้นจากการทำ Cross-Selling กำลังหนุนรายได้ค่าธรรมเนียมของKBANK ให้เติบโตสูงมากอย่างมีนัยในระยะยาว โดยใช้ฐานลูกค้ารายย่อย และเครือข่ายสาขาทั่วประเทศ ในการขายประกัน (Bancassurance Business) ในขณะที่ ระบบ IT ที่กำลังเสร็จลงภายใน2 ปี จะมีส่วนเสริมรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของธนาคารในระยะยาว แม้ว่าค่าใช้จ่ายด้าน IT จะสูงขึ้นมากในปีนี้ก็ตาม ดังนั้น เราแนะนำ “ซื้อลงทุนระยะยาว” โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานของธนาคารไว้ที่97 บาท จาก PBV ที่ 1.7 เท่าอย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมืองอาจมีผลต่อการซื้อขายหุ้น KBANK ในระยะสั้นได้ นอกจากนั้น เรามองว่าผลประกอบการใน 4Q09 เป็นที่รับรู้ของนักลงทุนแล้ว ดังนั้น เราไม่มีมุมมองเชิงบวกในระยะสั้น

คาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q09 ของ KBANK จะลดลงจาก 3Q09 แต่ยังเพิ่มขึ้นสูงเมื่อเทียบ
กับในช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังสินเชื่อพลิกกลับใน 2 เดือนสุดท้ายของปี 2009
KBANK ยังคงเป้าสินเชื่อทั้งปี 2009 ไว้ที่ 3.4% ซึ่งอยู่ภายในกรอบเป้าหมายล่าสุดที่ตั้งไว้ที่ 2-4%หลังคาดว่าสินเชื่อระยะสั้นจะมีการเติบโตสูงมากในไตรมาสสุดท้ายของปี 2009 โดยสินเชื่อประเภท Corporate –8%, SME +4.7% และรายย่อย +12.8% โดยมีสัญญาณยืนยันจากการเติบโตของสินเชื่อในเดือน ต.ค. และ พ.ย. 2009 (จากงบเดี่ยว) ที่ 0.36% MoM และ 2.70% MoM ตามลำดับ ทำให้การเติบโตของสินเชื่อ 11 เดือน (จากงบเดี่ยว) ตั้งแต่ต้นปีจนถึง พ.ย. อยู่ที่
0.60% YTD คุณภาพของสินทรัพย์ของ KBANK ในปี 2009 ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่น้อยกว่า 4% หลัง NPL Ratio ใน 3Q09 ยังยืนอยู่ที่ 3.7% และธนาคารไม่มี NPL ที่มีนัยใน 4Q09 อย่างไรก็ตาม ค่าสำรองหนี้จะเพิ่มขึ้นบ้างตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อใหม่ในปี 2010 เราประมาณการ NIM ใน 4Q09 ของ KBANK ไว้ที่ 3.61% ลดลงเล็กน้อยจาก 3.67% ใน 3Q09 เนื่องจากฐานสินเชื่อที่กระโดดขึ้นมาเร็วมากใน 4Q09 โดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อระยะสั้น ทำให้เราปรับประมาณการ NIM ทั้งปี 2009 ของธนาคารลงมาอยู่ที่ 3.71% รายได้ค่าธรรมเนียมของ KBANK จะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ ดังนั้น คาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมใน 4Q09 ของ KBANK จะเพิ่มขึ้น 15% YoY หรือ 0.35% QoQ ซึ่งไม่ต่างจากใน 3Q09 มาก คาดว่าอัตราส่วนของค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวม (Cost % Total Income) ใน 4Q09 ของ BANK
จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 60.41% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นตามปกติในไตรมาสสุดท้ายของปีอยู่แล้วผลกระทบจากการซื้อหุ้น MTFH ใน 4Q09 จะไม่มีนัยมากต่องบรวมของ KBANK เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายของ MTFH เข้ามาเพียง 1 เดือน เท่านั้น ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมยังเพิ่มขึ้นไม่มาก นอกจากนั้น ค่าความนิยม (Goodwill) ที่เกิดจากการซื้อ MTFH สูงกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีจะไม่ มากหลังการทำ Due Diligent จบลง ดังนั้น การซื้อ MTFH จึงยังไม่มีผลต่อผลประกอบการของ KBANK ในปี 2009 อย่างไรก็ตาม คาดว่างบรวมในปี 2010 ของ KBANK จะได้รับผลกระทบโดยมีรายได้เบี้ยประกัน และรายได้จากการรับประกัน เพิ่มขึ้นในงบรวม ทำให้ธนาคารคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมในปี 2010 จะเพิ่มขึ้นถึง 25% YoY
โดยสรุปแล้ว เรามองว่า NIM ใน 4Q09 ที่หดตัวลงจากในไตรมาส 3 จะมีผลทำให้กำไรสุทธิใน4Q09 ของ KBANK ลดลง 8% QoQ แต่ยังเพิ่มขึ้น 22% YoY โดยมองว่าปัจจัยหลักที่ทำให้กำไร
สุทธิใน 4Q09 ของธนาคารยังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนจะมาจากการขยายตัว
ของสินเชื่อในช่วงปลายปี และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย

ปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2010 เพิ่มขึ้นบ้างจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่จะเพิ่มขึ้น
แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายของโครงการ K-Transformation และจาก MTFH ซึ่งจะทำให้ Cost %
Total Income สูงขึ้น
KBANK ยังคงเป้าการเติบโตของสินเชื่อในปี 2010 ที่ 7-9%, NIM อยู่ที่ 3.7-3.8% แต่เราคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารจะเพิ่มขึ้นมากหลังการซื้อ MTFH โดยมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในธุรกิจประกัน ซึ่งจะทำให้เกิด Synergy ตามมาอีกหลายด้าน โดยธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมในปี 2010 ไว้ที่ 25% YoY แต่การรวมงบของ MTFH เข้ามาจะมีส่วนทำให้ Cost % Total Income ของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 55% ซึ่งธนาคารคาดว่า Cost % Total Income ของธนาคารจะสูงสุดในปีนี้ก่อนจะลดลงสู่ระดับปกติในปี 2011 และ 2012 ซึ่งจะเป็นปีที่มีการเริ่มใช้ระบบ IT ใหม่ของธนาคาร โดยระบบดังกล่าวจะสอดคล้องกับกลยุทธ์ Customer Centric ซึ่งจะสามารถช่วยให้ธนาคารสามารถออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น และในช่วงที่ผ่านมา ระบบดังกล่าวได้มี
ส่วนช่วยให้รายได้ของธนาคารเพิ่มขึ้นบ้างแล้วนอกจากนั้น คาดว่าค่าใช้จ่ายจากโครงการ K-Transformation (KT) ซึ่งเป็นการปรับปรุงระบบ ITของธนาคารจะมีการรับรู้มากในปี 2010 หลังจากมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ตั้งแต่ปี 2007 ไป 40% แล้ว ดังนั้น เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2010 ของ KBANK จะอยู่ที่ 16,048 ล้านบาท และประเมินมูลค่าพื้นฐานของธนาคารไว้ที่ 97 บาท จาก PBV ที่ 1.7 เท่า และมี Dividend Yield เท่ากับ 2.80% (จากราคาปิดที่ 85.75 บาท)

Source: BSEC Research

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น